IRPC Annual Report 2023

า ะต าดผลิิตภััณฑ์์ปิิโตรเคมีี อุตสาหกรรมปิโตรเคมีในปี 2566 โดยภาพรวมอุปสงค์มีอัตราการขยายตัวเพียงเล็กน้อยหรือราวร้อยละ 1 เท่านั้น โดยได้รับผลกระทบ จากหลายปัจจัย เริ่มตั้งแต่เหตุการณ์ความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครนที่ยังคงยืดเยื้อ อัตราเงินเฟ้อทรงตัวในระดับสูง เป็นผลให้ธนาคารกลาง ของหลายประเทศทั่วโลกต้องปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อเนื่อง และส่งผลให้อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลง โดย เฉพาะเศรษฐกิจจีนที่ไม่ฟื้นตัวตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้หลังจากที่ทางการจีนปรับเปลี่ยนแนวทางจากนโยบายโควิดเป็นศูนย์ มาสู่ การปรับตัวและใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับเชื้อไวรัส ประกาศเปิดพรมแดนประเทศให้นักท่องเที่ยวรวมถึงชาวจีนเดินทางท่องเที่ยวได้ อีกทั้งวิกฤต อสังหาริมทรัพย์ที่รุนแรงมากขึ้นยังส่งผลกดดันต่อเศรษฐกิจจีนเป็นอย่างมาก แม้ว่าทางการจีนจะได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ แต่ความต้องการก็ฟื้นตัวไม่มากนัก เนื่องจากประชาชนบางส่วนยังขาดความเชื่อมั่นและเพิ่มความระมัดระวังในการใช้จ่ายขึ้นอีกด้วย อีกทั้งความต้องการสินค้าปลายทางในตลาดโลกชะลอตัวลงเนื่องจากความสามารถในการซื้อของผู้บริโภคทั่วโลกลดลง โดยเฉพาะในกลุ่ม ของสินค้าคงทน ทำ �ให้ภาคการผลิตและการส่งออกลดลงไปด้วย แต่อย่างไรก็ดี การยกเลิกมาตรการจำ �กัดการเดินทางทั้งของไทยและ ต่างประเทศ ทำ �ให้ธุรกิจภาคการบริการโดยเฉพาะที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวมีการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสนับสนุนให้อุปสงค์หรือ ความต้องการจากบางอุตสาหกรรมยังคงมีการขยายตัวได้ดี อาทิ อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์อาหาร และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับ สุขอนามัยและอุปกรณ์ทางการแพทย์ เป็นต้น ในด้านของอุปทาน ตลาดในเอเชียได้รับความกดดันจากกำ �ลังการผลิตใหม่ที่ทยอยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทั่วทั้งภูมิภาคตั้งแต่ปี 2565-2566 ไม่ว่าจะเป็นประเทศจีน เวียดนาม อินโดนีเซีย กลุ่มประเทศตะวันออกกลาง รวมถึงในประเทศไทยเอง ทำ �ให้เกิดภาวะอุปทานส่วนเกิน ขึ้นในภูมิภาคและกดดันให้ราคาอ่อนตัวลงด้วย ผู้ผลิตปิโตรเคมีหลายรายต่างเลือกที่จะลดกำ �ลังการผลิตลงเพื่อรักษาสมดุลในตลาด รวมถึงบางช่วงเวลาอัตราส่วนต่างต้นทุนการผลิตที่แคบมากๆ จากราคาพลังงานและวัตถุดิบที่ทรงตัวในระดับสูง ส่งผลให้ผู้ผลิตต้อง ปรับลดกำ �ลังการผลิตลงด้วยเช่นกัน ในด้านของราคาเม็ดพลาสติกในปี 2566 โดยภาพรวมปรับตัวลดลงประมาณร้อยละ 15-20 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยราคาเฉลี่ยของ โพลิโพรพิลีน (PP) อยู่ที่ 987 เหรียญสหรัฐต่อเมตริกตัน โพลิเอทิลีนชนิดความหนาแน่นสูง (HDPE) ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 1,127 เหรียญสหรัฐ ต่อเมตริกตัน โพลิสไตรีนเกรดทั่วไป ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 1,216 เหรียญสหรัฐต่อเมตริกตัน ส่วนเม็ด ABS ราคาเฉลี่ยปรับตัวลงมาอยู่ที่ 1,320 เหรียญสหรัฐต่อเมตริกตัน ซึ่งลดลงมากที่สุดหรือราวร้อยละ 22 ในขณะที่แนฟทาปรับตัวลดลงเช่นเดียวกันในอัตราประมาณ ร้อยละ 16 ซึ่งเป็นผลให้อัตราส่วนต่างต้นทุนการผลิตยังคงทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ �เช่นเดียวกับปี 2565 80 โครงสร้างและการดํําเนิิ งา ของกล่� มบริษััท บริษััท ไออาร์พีีซีี จำำ �กั (มหาช )

RkJQdWJsaXNoZXIy ODg4NTI=